ตอน จากแหล่งพลังงานมหาศาลสู่โลก
มาติดตามกันต่อไปใน "เส้นทางสู่พลังงานสีเขียว"
เราได้เดินทางผ่านเรื่องราวในตอน พลังงานเกิดขึ้นได้อย่างไรและพลังงานมาจากไหน
ซึ่งก็ได้ให้ความกระจ่างกันไปพอสมควรแล้ว ทีนี้มาถึงตอนสำคัญ...
โลกได้รับพลังงานที่มีอย่างมากมายจากดวงอาทิตย์ได้อย่างไร ด้วยวิธีการใด
และเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้น... น่าสนใจทีเดียว
|
พลังงานเดินทางอย่างไร
พลังงานที่เกิดขึ้นภายในใจกลางดวงอาทิตย์นั้นมีจำนวนมหาศาล
เกิดการแผ่รังสีและถ่ายเทความร้อนออกสู่พื้นผิวดวงอาทิตย์ จากนั้นกลายเป็นพลังงานความร้อน
แสงสว่าง และรังสีชนิดต่างๆ1
แพร่กระจายในทุกทิศทาง ผ่านอวกาศตกกระทบดาวเคราะห์ต่างๆ รวมถึงโลกของเรา
พลังงานเหล่านี้เรียกว่า รังสีดวงอาทิตย์ (Solar radiation)
|
พลังงานจากดวงอาทิตย์ถูกปล่อยออกมาในเป็นอนุภาคเล็กๆ เรียกว่า
โฟตอน (photon) การเดินทางจะเป็นลักษณะคลื่นที่มีโฟตอนรวมอยู่ด้วย
โดยมีความยาวคลื่นระหว่าง 160-1,500 นาโนเมตร2
คลื่นที่มีความยาวคลื่นสั้นมากๆ จะพาโฟตอนไปได้ปริมาณมาก ส่วนคลื่นที่มีความยาวคลื่นยาวจะนำพาโฟตอนไปได้ปริมาณต่ำกว่า
โดยทั่วไป รังสีดวงอาทิตย์ที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้มีความยาวคลื่นระหว่าง
400-780 นาโนเมตร
รังสีดวงอาทิตย์ที่เดินทางมายังโลกต้องผ่านชั้นบรรยากาศโลกและตกบนพื้นผิวโลกที่มีหลายลักษณะในเวลาที่แตกต่างกันไปแต่ละปี
อาจกล่าวได้ว่า ชั้นบรรยากาศโลกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พื้นที่ต่างๆ
บนโลกได้รับรังสีดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน ส่วนปัจจัยอื่นที่มีผล
เช่น ฤดูกาล, องศาจากเส้นศูนย์สูตรและระยะจากพื้นผิวโลกกับชั้นบรรยากาศ
ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีรังสีดวงอาทิตย์บางส่วนสะท้อนกลับสู่ชั้นบรรยากาศ
จากการปะทะกับกลุ่มเมฆ ไอน้ำ อนุภาคฝุ่นและโมเลกุลก๊าซ แต่สุดท้าย
รังสีดวงอาทิตย์ก็ตกบนพื้นผิวโลกโดยตรงและมีผลกระทบต่อโลกในทันที
คือ พลังงานความร้อน, แสงสว่าง รวมถึงคลื่นวิทยุ สำหรับรังสีดวงอาทิตย์ที่ถูกทำให้หักเหก่อนที่จะตกกระทบพื้นผิวโลก
จะมีผลกระทบต่อโลกในเวลาต่อมา ได้แก่ รังสีคอสมิก (Cosmic ray)
|
|
|
"ทำไมท้องฟ้าเป็นสีฟ้า..." อธิบายอย่างนี้แล้วกันว่า
แสงจากดวงอาทิตย์ (แสงสีม่วงและสีน้ำเงิน) เกิดการสะท้อนกลับสู่บรรยากาศเมื่อปะทะกับโมเลกุลก๊าซและอนุภาคฝุ่น
ยิ่งมีก๊าซและฝุ่นใกล้พื้นผิวโลกมาก จะทำให้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าอ่อนมากขึ้น
ขอขยายความต่อ ดังนี้ คลื่นที่ความยาวต่างๆ ที่ตามนุษย์มองเห็นและแยกออกได้
7 สี ตั้งแต่ แดงที่มีความยาวคลื่นยาวที่สุด จากนั้นเป็นแสด
เหลือง เขียว น้ำเงิน ครามและม่วงที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด
(รุ้งกินน้ำ เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้เราได้เห็นแสงครบถ้วนทั้งเจ็ดสี)
แล้วยังมีคลื่นที่ตามนุษย์ไม่สามารถเห็นได้ คือ รังสีอัลตราไวโอเล็ต
ซึ่งมีความยาวคลื่นสั้น และรังสีอินฟราเรด ที่มีความยาวคลื่นยาว
|
เกิดอะไรขึ้นเมื่อพลังงานจากดวงอาทิตย์มาถึงโลก
เป็นเวลานานกว่าหลายล้านปีแล้ว พลังงานและแสงสว่างที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์ทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงชีวิตอยู่ได้
และเกิดเป็นวัฎจักรต่างๆ นับตั้งแต่ พืชสีเขียว ใช้กระบวนการสังเคราะห์แสงในการสร้างอาหาร
ซึ่งอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์, กระบวนการทางเคมีและกายภาพสามารถทำการเปลี่ยนพืชและสัตว์ที่ตายแล้วเป็นถ่านหิน
น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเชื้อเพลิง, วัฎจักรน้ำ เกิดจากน้ำที่ดูดซับรังสีดวงอาทิตย์
ระเหยกลายเป็นไอและตกมาเป็นฝนหรือหิมะ นอกจากนี้ การเคลื่อนตัวของอากาศประกอบกับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ยังสามารถทำให้เกิดลม
โลกมีสภาพอากาศหลายรูปแบบ ทั้งนี้ เป็นเหตุจากปัจจัยมากมาย ที่สำคัญคือ
ความสัมพันธ์ระหว่างชั้นบรรยากาศโลกและพลังงานจากดวงอาทิตย์
รวมถึงอุณหภูมิบนโลกก็ขึ้นอยู่กับพลังงานจากดวงอาทิตย์เช่นเดียวกัน
ซึ่งพลังงานนี้ไม่ได้กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ แต่จะแตกต่างกันไปตามละติจูด
ดังนั้น พื้นที่ต่างๆ บนโลกมีอุณหภูมิไม่เท่ากัน
พลังงานที่เราใช้อยู่บนโลกนี้ ส่วนใหญ่มาจากดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น
มีการนำพลังงานจากดวงอาทิตย์ไปใช้อย่างแพร่หลาย รวมถึงมีการคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อนำมาซึ่งประโยชน์จากพลังงานเหล่านั้น
พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar energy) และพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์
(Solar thermal) ถือเป็นพลังงานจากดวงอาทิตย์โดยตรง ส่วนพลังงานลม
(Wind power), พลังงานน้ำ (Hydropower), พลังงานชีวมวล (Biomass
energy), พลังงานคลื่นในทะเล (Wave energy), พลังงานน้ำขึ้นน้ำลง
(Tidal energy), ถ่านหิน, น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จัดเป็นพลังงานที่มาจากดวงอาทิตย์ทางอ้อม
|
จะเห็นได้ว่า พลังงานมีมากมายหลายรูปแบบ แต่ทว่า
พลังงานทั้งหมดไม่ได้มาจากดวงอาทิตย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในโลกของเราก็มีพลังงานที่สามารถนำมาใช้ได้
เช่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal) และพลังงานไฮโดรเจน
(Hydrogen energy) แม้พลังงานจากภายในโลกจะมีน้อยมากเมื่อเทียบกับพลังงานที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์
แต่นี่คืออีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีการพัฒนาต่อไป จะกลายเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในอนาคตได้
ความเข้มข้นของเนื้อหาสาระใน "เส้นทางสู่พลังงานสีเขียว"
กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนต่อไป เราจะให้คุณได้รู้จักกับพลังงานทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่บนโลก
และนั่นจะทำให้คุณเกิดความรู้และเข้าใจเรื่องพลังงานอย่างแท้จริง
|
การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานต่างๆ 1 ถ่านหิน, 2 พลังงานนิวเคลียร์,
3 พลังงานชีวมวล,4 พลังงานแสงอาทิตย์, 5
พลังงานลม, 6 พลังงานความร้อนใต้พิภพ, 7 พลังงานน้ำในเขื่อน,
8 พลังงานน้ำขึ้นน้ำลง และ 9 พลังงานคลื่น
|
1 |
ตัวอย่างของรังสี เช่น รังสีแกมมา (Gamma
ray), รังสีเอ็กซ์ (X-ray), คลื่นวิทยุ (Radio wave), รังสีอินฟราเรด
(Infrared), รังสีอัลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet) และรังสีคอสมิก
(Cosmic ray) ฯลฯ |
2 |
นาโนเมตร (nanometer) เท่ากับ 1 พันล้านเมตร |
|
|