ตอน พลังงานหมุนเวียน VS พลังงานสิ้นเปลือง
สำหรับใครหลายคน การบริโภคพลังงานในวันหนึ่งๆ อาจไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าใช้พลังงานอะไรไปบ้างและมากน้อยเพียงใด
แล้วคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นหรือไม่? การได้ติดตาม "เส้นทางสู่พลังงานสีเขียว"
จะทำให้คุณได้ความรู้เกี่ยวกับพลังงานต่างๆ ซึ่งเรา (แอบ) หวังไว้ว่าอาจส่งผลให้เกิดการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าไม่มากก็น้อย
พลังงานถูกนำมาใช้เพื่อเติมเต็มให้กับชีวิตมนุษย์ การดำรงชีพต้องใช้พลังงานทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น ภายในบ้านพักอาศัย อาคาร ร้านค้า โรงงาน รวมถึงการเดินทาง
ยิ่งนานวันความต้องการพลังงานทวีมากขึ้น นั่นหมายถึงพลังงานจะถูกนำมาจากแหล่งต่างๆ
เพื่อตอบสนองการใช้พลังงาน ทั้งพลังงานจากดวงอาทิตย์และพลังงานจากภายในโลกของเราเอง
พลังงานทั้งมวลที่มีอยู่ถูกจำแนกออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ตามแหล่งที่มา
ซึ่งเราจะพาไปรู้จักกัน...
|
พลังงานหมุนเวียน (Renewable
energy)
คือ แหล่งพลังงานที่ได้จากธรรมชาติรอบตัวเรา
หามาใช้ได้ไม่มีวันหมด ซึ่งสามารถสร้างทดแทนได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
โดยธรรมชาติหลังจากมีการใช้ไป จึงมีหลายชื่อที่ใช้เรียก - พลังงานทดแทนและพลังงานใช้ไม่หมด
รวมถึงพลังงานสะอาดและพลังงานสีเขียว เนื่องจากไม่ทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง
ตัวอย่างของพลังงาน ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม,
พลังน้ำ, พลังงานคลื่นในทะเล, พลังงานน้ำขึ้นน้ำลง, พลังงานชีวมวล,
พลังงานความร้อนใต้พิภพและพลังงานไฮโดรเจน ฯลฯ
|
|
พลังงานสิ้นเปลือง (Nonrenewable
energy)
คือ แหล่งพลังงานจากใต้พื้นดิน เมื่อใช้หมดแล้วไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่หรือหามาทดแทนโดยธรรมชาติได้ทันความต้องการในเวลาอันรวดเร็ว
ต้องใช้เวลานานกว่าร้อยล้านปีที่จะสร้างขึ้นมาอีกได้และมีปริมาณจำกัด
ชื่อที่ใช้แทนพลังงานกลุ่มนี้จึงมีทั้งพลังงานฟอสซิลและพลังงานที่ใช้แล้วหมด
ตัวอย่างของพลังงาน ได้แก่ น้ำมันดิบ (ปิโตรเลียม), ถ่านหิน,
ก๊าซธรรมชาติและพลังงานนิวเคลียร์ (แร่ยูเรเนียม) ฯลฯ
|
|
|
พลังงานที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ส่วนมากนำมาจากแหล่งพลังงานสิ้นเปลือง
เช่น เชื้อเพลิงฟอสซิลจำพวกน้ำมันดิบ ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ คุณเคยสงสัยไหม
ทำไมเรียก "เชื้อเพลิงฟอสซิล" คำตอบก็คือ เชื้อเพลิงนี้เกิดขึ้นจากซากพืชซากสัตว์ที่ตายมานานนับล้านปี
ทับถมอยู่ใต้ดินจนเปลี่ยนเป็นฟอสซิล จากนั้นเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติกลายเป็นน้ำมันดิบ
ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ แต่ปัญหาคือไม่สามารถหามาทดแทนการใช้ได้ทัน
โลกเราต้องใช้เวลานานเป็นล้านปีกว่าจะผลิตน้ำมันแต่ละลิตรได้ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
เพราะการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจะได้ก๊าซพิษออกมาด้วย เช่น ฝุ่นละออง,
เขม่าควัน, ไนโตรเจน, คาร์บอนมอนอกไซด์, คาร์บอนไดออกไซด์และกำมะถันไดออกไซด์
ฯลฯ
|
แล้วทำไมเราไม่นำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ จะได้ไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม...
การนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ต้องประสบปัญหาข้อจำกัดตามธรรมชาติที่ว่า
พลังงาน (บางชนิด) มีอยู่มากก็จริง ทว่าไม่สามารถนำมาใช้ได้ทุกเวลาและไม่เพียงพอ
เช่น ถ้าท้องฟ้ามืดครึ้มจะไม่มีแสงอาทิตย์ ถ้าลมสงบจะไม่มีลมไปหมุนกังหัน
หรือถ้าระดับน้ำในเขื่อนไม่เพียงพอก็ผลิตไฟฟ้าไม่ได้ แต่มนุษย์ก็ไม่ยอมแพ้ต่อธรรมชาติเพียงแค่นั้น
มีการรู้จักเก็บพลังงานไว้หรือเพิ่มการผลิตให้มากขึ้นเพื่อนำพลังงานไปใช้ต่อไป
และนั่นทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น หากเทียบกันแล้วการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจะถูกกว่า
จะเห็นได้ว่าพลังงานหมุนเวียนอาจใช้แก้ปัญหาพลังงานไม่ได้ทั้งหมด
แต่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกจากธรรมชาติที่มีคุณค่า ช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
ทีนี้คุณลองเปรียบเทียบดูว่า การนำพลังงานสีเขียวจากแหล่งธรรมชาติมาใช้การผลิตไฟฟ้า
จะมีค่าใช้จ่ายแตกต่างจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมากน้อยเพียงใด...
ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโดยใช้เชื้อเพลิงต่างๆ เป็นดังนี้
ถ่านหิน = 0.50 บาท/หน่วย1,
ก๊าซธรรมชาติ = 0.93 บาท/หน่วย1,
น้ำมันเตา = 1.10 บาท/หน่วย1,
ดีเซล = 2.72 บาท/หน่วย1,
พลังงานแสงอาทิตย์ = 11.46 บาท/หน่วย2,
พลังงานลม = เป็น 2.84 บาท/หน่วย2,
พลังงานชีวมวล = 2.27 บาท/หน่วย2,
ก๊าซชีวภาพจากอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร = 1.91 บาท/หน่วย2,
น้ำเสีย = 1.3-1.6 บาท/หน่วย2
และขยะชุมชน = 2.23 บาท/หน่วย2
(1 หน่วย = 1 กิโลวัตต์-ชั่วโมง) |
|
ถัดจากนี้ไปเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจมากในเรื่อง "ข้อดี-ข้อเสีย"
ของพลังงานจากทั้งสองแหล่ง เรานำมาให้ประกอบการพิจารณาว่า "ควรใช้พลังงานจากแหล่งใด"
แหล่งพลังงาน |
ข้อดี |
ข้อเสีย |
พลังงานหมุนเวียน |
- สามารถหาได้ง่าย ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลก
- สามารถผลิตพลังงานได้ตลอดเวลา เช่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ
- ใช้ไม่มีวันหมด
- เป็นแหล่งพลังงานที่ได้มาฟรี
- นำมาผลิตไฟฟ้าได้ในราคาถูก เช่น พลังน้ำ
- มีความเสถียรในเรื่องราคาพลังงาน
- เป็นพลังงานสะอาด ไม่สร้างมลพิษทางอากาศ, น้ำและไม่เกิดขยะของเสีย
|
- พบได้เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น เช่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ
- ไม่สามารถผลิตพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง
- ต้นทุนในตอนเริ่มต้นสูง
- ต้องมีการเก็บพลังงานไว้ ซึ่งไม่คุ้มค่าเชิงพาณิชย์
- ต้องใช้พื้นที่มากในการติดตั้ง
- อาจเป็นสาเหตุของมลพิษทางอากาศ เช่น พลังงานความร้อนใต้พิภพ
- อาจทำให้โลกร้อนขึ้นได้ เช่น การเผาไหม้ของพลังงานชีวมวล
- เกิดมลพิษทางเสียง เช่น พลังงานลม
- อาจทำลายระบบนิเวศน์และส่งผลต่อการอพยพย้ายถิ่นฐานของสิ่งมีชีวิต
|
พลังงานสิ้นเปลือง |
- ไม่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวัน, สภาพอากาศหรือฤดูกาลก็ได้พลังงานต่อเนื่อง
- นำมาผลิตไฟฟ้าได้ในราคาถูกและคุ้มค่าเชิงพาณิชย์
- นำมาผลิตไฟฟ้าจะได้พลังงานต่อหน่วยน้ำหนักจำนวนมาก
- พลังงานนิวเคลียร์ใช้เชื้อเพลิงเพียงเล็กน้อยก็ผลิตไฟฟ้าได้จำนวนมาก
- พลังงานนิวเคลียร์สร้างมลพิษทางอากาศเพียงเล็กน้อย
และไม่สร้าง CO2
|
- สามารถหาได้เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น
- เป็นแหล่งพลังงานที่มีจำกัด
- ไม่มีความเสถียรในเรื่องราคาพลังงาน
- การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลทำให้เกิดมลพิษมากมาย
รวมถึงเกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก, โลกร้อนขึ้นและเกิดฝนกรด
ฯลฯ
- พลังงานนิวเคลียร์ ทำให้เกิดของเสียที่เป็นพิษสูงและขนส่งอย่างปลอดภัยทำได้ยาก
- การขุดหรือระเบิดถ่านหินหรือแร่ยูเรเนียม และน้ำมันรั่วจาการขุดเจาะ
ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม
|
|
เนื่องจากมนุษย์ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นสัดส่วนที่สูงมาก
ซึ่งพลังงานนี้ใช้แล้วมีแต่จะหมดไป ดังนั้น การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นวิธีที่ควรทำ
ทรัพยากรที่มีอยู่ก็จะสามารถใช้ได้อย่างพอเพียงและให้ชนรุ่นหลังมีโอกาสได้รับประโยชน์ด้วย
และในฉบับต่อไปคุณจะได้พบกับพลังงานสีเขียวจากธรรมชาติที่มาจากภายในโลกของเรานี้เอง
1ที่มา:
ข้อมูลจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
2ที่มา: ข้อมูลจากมูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม |
|